สินค้าโภคภัณฑ์ที่กำลังไต่ระดับ

ราคาทองคำในตลาดสปอตปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2,280 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในช่วงเวลาซื้อขายในเอเชีย โลหะมีค่าได้เคลื่อนตัวขึ้นไปที่ระดับ 2,285 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก จุดที่เป็นตลาดร้อนในตะวันออกกลาง รวมถึงระหว่างรัสเซียและยูเครนได้เพิ่มแรงซื้อเพิ่มเติมให้กับราคาทองคำ โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการซื้อและการวางตำแหน่งอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงตามคาด

เมื่อราคาทองคำทะลุแนวต้านที่ 2,280 ดอลลาร์แล้ว โลหะสีเหลืองนี้จึงคาดว่าจะพุ่งไปถึงระดับ 2,300 ดอลลาร์หรืออาจจะทะลุขึ้นไปอีกก็ได้ ระดับราคาทองคำในตลาดปัจจุบันได้ทะลุการคาดการณ์สำหรับปี 2024 ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เราเหลือเพียงคำถามใหญ่ว่าราคาจะพุ่งไปถึงระดับไหน ในแง่หนึ่ง อาจถือได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐจะเคลื่อนไหวสูงขึ้นก็ตาม ในอีกแง่หนึ่ง อาจเกิดการปรับฐานขึ้นได้ โดยอาจเกิดการซื้อมากเกินไปหลังจากการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่าจะมีการปรับขึ้นบางส่วนเกี่ยวกับเพดานราคาทองคำในปี 2024 ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและเส้นทางของข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดระดับราคาทองคำ

ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญกลางๆ เนื่องมาจากเหตุการณ์ตึงเครียดในฉนวนกาซา ซีเรีย และโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุดทำให้ตลาดน้ำมันต้องแบกรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยผู้ซื้อขายมองว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดการหยุดชะงักของอุปทาน หากความขัดแย้งในปัจจุบันยังคงดำเนินไปตามปกติ ราคาน้ำมันดิบ WTI ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 85 เหรียญต่อบาร์เรลในการซื้อขายวันพุธ (เวลาทำการของตลาดเอเชีย) ไม่ว่าเราจะได้เห็นการตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นหรือคลี่คลายลงของความขัดแย้งในปัจจุบันทั่วโลก อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับลงมาอยู่ที่ 90 เหรียญหรือลดลงเหลือ 80 เหรียญ ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

ในด้านอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากตัวเลขการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้น (ซึ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) ดัชนี DXY (Dollar Index) แตะระดับ 105 โดยนักลงทุนต่างสงสัยว่า FOMC จะมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนมากเพียงใด เนื่องจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดมีความแข็งแกร่ง และแน่นอนว่า ในวันศุกร์นี้ เราจะได้เห็นมาตรวัดสำคัญต่อไปของสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรูปแบบของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ประจำเดือนมีนาคม ตัวเลข NFP มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนของ FOMC อาจได้รับผลกระทบอีกครั้ง