ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเปิดทางให้ทองคำและน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดเตือนให้ตลาดทราบว่าเรากำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้มีการถอนตำแหน่งซื้อในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ออกไปบ้าง เพื่อตอบโต้ สกุลเงินอื่นๆ ต่างก็รีบ "เอาเปรียบ" สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กำลังดิ้นรน โดยสกุลเงินปอนด์ ยูโร ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเยนต่างก็พุ่งสูงขึ้น ดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นเหนือระดับ 0.67 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสกุลเงินดังกล่าวยังได้รับประโยชน์จากอารมณ์ที่คึกคักของตลาดหุ้นทั่วโลกอีกด้วย การที่ดอลลาร์ออสเตรเลียจะรักษาระดับเหนือระดับแนวต้านเดิมนี้ไว้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าดอลลาร์สหรัฐฯ จะตอบสนองอย่างไรเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อออกมา  

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่ NFP ออกมาประกาศตัวเลขที่อ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และตอนนี้ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงรอบใหม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับเข้าใกล้ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าไปอีก นอกจากนี้ ผลกระทบจากการลดการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ดูเหมือนว่าจะเริ่มปรากฏออกมาในรูปแบบของแรงกดดันด้านราคาที่พุ่งสูงขึ้นในที่สุด แม้ว่าราคาน้ำมันจะยังดูไม่เปลี่ยนแปลงจากข้อมูลที่น่าผิดหวังล่าสุดของจีนในสัปดาห์นี้ แต่หากเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกยังคงมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ผิด นี่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันต้องก้าวข้ามไปให้ได้  

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงได้เปิดทางให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น การผสมผสานระหว่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันไปที่ 1,938 ดอลลาร์สหรัฐ และอยู่เกือบถึงระดับแนวต้านถัดไปที่ 1,945 ดอลลาร์สหรัฐ  

โดยรวมแล้ว การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของทองคำ และอาจกล่าวได้เช่นเดียวกันในแง่ของผลกระทบต่อน้ำมัน ดอลลาร์ออสเตรเลีย ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง และเยน ซึ่งเป็นสาเหตุที่มาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด ดังนั้น สินทรัพย์ทางการเงินจะรับเอาสัญญาณจากการตอบสนองของดอลลาร์สหรัฐและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ต่อข้อมูล CPI และ PPI  

‍

‍

‍

‍

‍